สงกรานต์ปีที่แล้วตั้งใจไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง เคยได้ฟังหลวงพ่อฤาษีลิงดำเทศน์เอาไว้รวมทั้งได้อ่านคำบอกเล่าของผู้ที่เคยฝึกจากทางอินเตอร์เน็ตจึงอยากไปปฏิบัติบ้าง หาข้อมูลเสร็จสรรพก็ออกเดินทางสู่วัดท่าซุง ไปถึงตรงไปที่ศาลานวราชเพื่อแลกบัตรประชนกับกุญแจที่พักและเครื่องนอน วันสงกรานต์นี้มีพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา หลวงพ่อท่านอธิบายไว้ว่าการสะเดาะเคราะห์ มิได้ทำให้เคราะห์หมดไปแต่ทำให้เบาบางลง ดังเช่นบุคคลถือร่มเพื่อกำบังขณะยืนอยู่กลางแดดร้อนจัด เคราะห์คือแดดไม่ได้หมดไป แต่เรามีร่มกำบังทำให้บรรเทาความร้อนของแดดลง สรุปว่าไปอยู่ที่วัดครั้งนั้นรวมเจ็ดวัน
วันสะเดาะเคราะห์มีผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ จนศาลา ๑๒ ไร่แน่นขนัด โรงทานมีเลี้ยงทั้งวัน การทำพิธีมีทั้งรอบเช้าและบ่าย บางท่านเข้าร่วมทั้งสองรอบ บางท่านมาทันช่วงบ่ายก็เข้าช่วงบ่าย บริเวณลานวัดมีสามเณร ญาติโยมและนักเรียนโรงเรียนพระสุธรรมยานช่วยกันก่อเจดีย์ทราย สวดมนต์และสรงน้ำเจดีย์ทราย
ช่วงว่างหลังจากทำวัตรเช้าและหลังฝึกมโนมยิทธิแล้วก็เที่ยวชมวัด ไหว้พระ ไปเกือบทุกที่ยกเว้นแพปลาและเขตโรงเรียน ไปครั้งหน้าคงต้องหาโอกาสไปดูที่แพปลาให้ได้ อาณาบริเวณวัดค่อนข้างกว้างใหญ่ดังนั้นการไหว้พระและชมสถานที่ต่างๆภายในวัดจึงต้องใช้เวลาพอสมควร
เมื่อออกจากที่พักก็ไปไหว้พระหน้าโบสถ์ บางท่านอาราธนาศีล ๕ ศีล ๘ ต่อหน้ารูปปั้นหลวงพ่อเพื่อรักษาขณะอยู่วัด พอจะลาศีลก็อาจมาลาที่นี่ ที่ศาลาร้อยเมตรหรือที่พระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งภายในวัดก็ได้ ที่สำคัญหากจะรักษาศีลที่นั่นอย่างต่ำต้องรู้ว่าศีลที่ตนเองจะรักษามีอะไรบ้าง ถ้ากล่าวคำบาลีไม่ได้ก็ไทยล้วนๆแทน บางคนงดข้าวเย็นไม่ได้ก็รักษาแค่ศีลห้า ถ้าคนที่ไม่รู้จริงๆขอให้หลวงพี่หลวงพ่อที่ศาลาทำการช่วยกล่าวนำก็ได้
ไหว้พระที่โบสถ์เรียบร้อย ไปรอขึ้นรถวัดที่หน้าโบสถ์หรือข้างนอกเพื่อไปสถานที่อื่นต่อ ขึ้นรถรับจ้างทั่วไปก็ครั้งละห้าบาท ถ้ารถบริการของวัดก็หย่อนลงตู้ข้างรถแล้วแต่ศรัทธา รถจะพาผ่านศาลา ๔ ไร่ ซึ่งเป็นโรงทานในวันที่มีงาน กับศาลา ๑๒ ไร่สำหรับประกอบพิธีต่างๆ ไปถึงปราสาททองคำขนาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์ยังสวยงามตระกานตาถึงเพียงนี้ ลวดลายแกะสลักสีทองอ่อนช้อยพริ้วไหวงดงาม ปราสาทเสียดยอดสีทองสู่ท้องฟ้าเด่นสง่ามาแต่ไกล ระหว่างทางที่ไปปราสาททองคำนี้มีพระพุทธรูปเรียงรายเป็นแถวยาว
ชมความงามปราสาททองคำแล้วก็มาไหว้หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา ไหว้ข้างนอกก่อนก็ได้แล้วค่อยไปไหว้ข้างใน แต่ส่วนมากจะเข้าไปข้างในเพื่อบูชาดอกไม้ธูปเทียน มีแผ่นทองให้ปิดองค์จำลองด้วย จากนั้นก็บูชาผ้าห่มพระองค์จำลอง คนส่วนมากจะขอให้ท่านช่วยเรื่องการเงิน ว่ากันว่าถ้าจะให้เห็นผลเร็วก็ภาวนาคาถาเงินล้านด้วยหลังจากไหว้เสร็จ
หากไม่รีบเร่งนักก็เดินเวียนรอบเจดีย์พุดตานที่อยู่ไม่ไกล เพื่อระลึกนึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ในองค์พระเจดีย์หลวงพ่อได้บรรจุพระสารีริกธาตุและของโบราณไว้ บทสวดที่มักใช้ขณะเดินเวียนคือบทอิติปิโสฯ
เสร็จแล้วมาไหว้สมเด็จองค์ปฐม โดยมากทุกที่เค้าจะมีดอกไม้ธูปเทียนแพให้บูชาพร้อมทั้งผ้าห่มองค์พระไว้บริการเรียบร้อย เค้าจะไม่ให้จุดธูปเทียนของจริง พอได้เครื่องสักการะแล้วก็กล่าวคำบูชาที่มีไว้ให้อ่าน เคยอ่านหนังสือหลวงพ่อว่าที่พระเศียรได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมบรมครูเอาไว้ ใครก็ตามที่เข้าไปไหว้ก็จะมีความเอิบอิ่มใจโดยหาสาเหตุมิได้ตั้งแต่เริ่มเห็นจากนอกประตูวิหาร
จากนั้นไปไหว้พระศรีอาริยเมตไตรย รูปจำลองจะอยู่ในเครื่องทรงเทวดาประดับด้วยแก้ว โดยมากจะขอให้มีโอกาสเกิดในช่วงที่พระองค์ลงมาตรัสรู้
มาถึงพระวิหารแก้วแล้วต้องตะลึงกับความวิจิตรงดงามที่เห็นอยู่เบื้องหน้า แสงแวววาวระยิบระยับของกระจกแก้วที่ประดับประดาตามต้นเสานั้นงามจับตาจับใจยิ่งนัก ทำให้รู้สึกประหนึ่งว่ากำลังเดินอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้าเลยทีเดียว
คนส่วนใหญ่พอเข้าประตูจะไปไหว้หลวงพ่อที่ประดิษฐานบนบุศบกทองคำ แล้วถึงเดินไปไหว้พระประธาน บางคนจะเดินไปเข้าที่ประตูด้านกลางศาลาเพื่อไปไหว้พระประธานก่อน พระวิหารจะเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมเป็นเวลา หากช่วงเวลาฝึกกรรมฐานและทำวัตรเย็นก็ปิด
บริเวณเฉลียงวิหารแก้วมีรูปภาพหลวงพ่อ ท่านปู่ท่านย่า ฯลฯ โต๊ะหมู่บูชาเรียงรายตลอดแนวทางเดิน
อิ่มเอมใจกับความงามภายในพระวิหารแก้วแล้วก็แวะกราบที่มณฑปหลวงพ่อปานและมณฑปพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ด้านหน้าวิหารแก้ว
ขึ้นรถบริการของวัดต่อ ไปไหว้พระวิสุทธิเทพซึ่งประทับอยู่ที่พระจุฬามณีเจดีย์สถาน พระจุฬามณีไม่เหมือนวิมานทั่วไปตรงที่ยอดเป็นเจดีย์ไม่ใช่ยอดปราสาท ไม่ไกลจากจุดนี้นักเป็นอนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราชทรงช้าง
จากนั้นไปไหว้หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์หลังเก่า ซึ่งอยู่คนละฝั่งถนนกับสถานที่ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ด้านในประดับด้วยลายดอกดวงสีทองอร่ามตัดกับพื้นสีแดง มีภาพจิตกรรมบนฝาผนัง ผู้คนจะมาถวายผ้าห่มหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์และพระประธาน จุดนี้จะมีพระเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่
“หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์” พระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นพระเศียรลักษณะแบบหนามขนุน
ใกล้กับวิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์เป็นมณฑปพระองค์ที่ ๑๐ และองค์ที่ ๑๑ ถ้าเงินในกระเป๋ายังเยอะอยู่จะบูชาธูปเทียนแพมาไหว้กราบขอพรท่านก็ได้ มาวัดท่าซุงทีไรมักทำบุญจนเพลิน ถ้าหากไหว้มาเกือบครบแล้วลืมเสี่ยงเซียมซีก็สามารถเสี่ยงได้ที่นี่
ถัดมาเป็นมณฑปท้าวมหาราชทั้งสี่ มีอาวุธประจำแต่ละองค์ ส่วนองค์ไหนถืออาวุธอะไรก็จำไม่ได้เช่นกัน จำได้เพียงว่าท้าวเวสสุวรรณมีกระบอง
เดินลงไปข้างๆ จะเจอพระภิกษุณีปชาบดีโคตรมี หลายคนลืมเดินเข้าไป เพราะหากเทียบกับสิ่งก่อสร้างบริเวณใกล้กันจะไม่โดดเด่นนัก ใกล้กันเป็นศาลาที่บูชาวัตถุมงคลและหนังสือ รวมทั้งยาสมุนไพรแผนโบราณต่างๆ อยากได้อะไรก็หาบูชาได้ที่นี่
เรื่องและภาพ: อมรรัตน์
ฉบับหน้า พบกับการเดินทางขึ้นเหนือสู่วัดถ้ำผาจมแม่สาย และไหว้พระธาตุจอมกิติเชียงแสน
อนุโมทนา สาธุ งามจริงๆค่ะ
_____________________________
สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่สิ้น
เห็นแล้วสวยงามมากครับ